วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

10 อันดับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลก





                10 อันดับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลก





อันดับที่ 10 ดอกกุหลาบ


     ดอกกุหลาบเป็นหนึ่งในที่สุดโรแมนติกและมหัศจรรย์หอมของดอกไม้ ของดอกกุหลาบให้แพร่หลายในประเพณีและความหมายทางวัฒนธรรมจากสีเหลืองเพิ่มขึ้นของมิตรภาพเพื่อแดงเข้มเพิ่มขึ้นของความรักที่แท้จริง







อันดับที่ 9 ดอกผกากรองหรือLantana
     ดอกไม้เหล่านี้ละเอียดอ่อนที่มีกลีบดอกสีชมพูและสีเหลืองของพวกเขาจะแม่เหล็กผีเสื้อ พุ่มไม้ที่สามารถเติบโตได้มีขนาดใหญ่มากและสีของการเปลี่ยนแปลงกลีบเป็นพืชอายุ ระวัง -- Lantana ถือว่าเป็นวัชพืชโดยมากมายที่ค่อนข้างยากที่จะกำจัด





อันดับที่ 8 ดอกระฆังหรือBlue Bells
     ในฤดูใบไม้ผลิป่ายุโรปจำนวนมากถูกปกคลุมด้วยพรมหนาแน่นของดอกไม้นี้เหล่านี้เป็นที่เรียกทั่วไปว่า"ไม้ดอกไม้ชนิดหนึ่ง" มันเป็นความคิดที่พวกเขาตั้งชื่อโดยกวีโรแมนติกของศตวรรษที่ 19, ผู้ที่รู้สึกว่าเหงาสัญลักษณ์และเสียใจ





อันดับที่ 7ดอกโลหิตแห่งหัวใจหรือดอกหทัยหยาดทิพย์หรือBleeding Heart
เหตุที่เขาได้ชื่อว่า bleeding heart ก็เพราะว่า เมื่อดอกเขาผลิใหม่ ยังตูม ๆอยู่ที่ปลายแหลมของหัวใจด้านล่าง จะมีติ่งรูปร่างคล้ายหยดน้ำ มีสีแดง ดูเหมือนหยดเลือด  แต่เมื่อดอกเริ่มบาน  ตัวหยดจะเปิดออกให้เห็นใส้สีขาว อยู่ข้างใน คราวนี้จะเห็นหยดน้ำไหลออกมาจากหัวใจแทน คนเยอรมันเห็นตรงนี้เหมือนหยดน้ำตา เลยเรียกดอกนี้ว่า  Traenendes herz ดอกหัวใจเจ้าน้ำตา  ลองดูจากรูป รูปข้างบน หรือรูปข้างล่างก็ได้ ก็จะเห็นตามที่ว่านี้





อันดับที่ 6 ดอกซูซานตาดำหรือBlack Eyed Susan
ซูซานตาดำ, wildflower ร่าเริงอยู่ตลอดกาลที่ทำหน้าที่เป็นแบบเลื่อนกลับที่สวยงามในสวนใด ๆความคมชัดของสีทองสดใสกลีบดอกสีเหลืองและสีดำตรงกลางจะทำให้ง่ายต่อการใด ๆจุดหนึ่งและทราบว่าเป็น




อันดับที่ 5คาลล่า ลิลลี่ หรือCalla Lily
คาลล่า ลิลลี่ (Calla Lily) เป็นพันธุ์ไม้หัว ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ มีต้นกำเนิดในแอฟริกาใต้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 สายพันธุ์ค่ะ คือพันธุ์ไม้ยืนต้น ที่ปลูกเพื่อเป็นไม้ตัดดอก (Cut Flower) และพันธุ์ไม้ล้มลุก ซึ่งจะมีการพักหัวในฤดูหนาว นิยมปลูกเป็นไม้กระถาง (Pot Flower) ถึงแม้คาลล่า ลิลลี่จะเป็นทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่าสำหรับเกษตรกร ที่ต้องการปลูกเพื่อเป็นไม้ตัดดอก เนื่องจากลงทุนปลูกครั้งเดียว แต่สามารถตัดดอกขายได้ต่อเนื่องนานถึง 4- 5 ปีโดยไม่ต้องขุดหัวขั้นมาปลูกใหม่ แต่คาลล่า ลิลลี่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องอุณหภูมิในการปลูก เหมาะสำหรับเกษตรกรที่อยู่บนที่สูงหรือบนดอย ที่มีอุณหภูมิที่ 18 - 24 องศาเซลเซียส





 อันดับที่ 4 ดอกไฮเดรนเยีย
ไฮเดรนเยีย(Hydrangea)เป็นไม้พุ่งสูง1-3เมตรจัดเป็นพืชหลายฤดูชอบอากาศหนาวเย็น บางชนิดเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้เลื้อยแต่ส่วนใหญ่มักเป็นไม้พุ่มเตี้ยใบเกิดแบบตรงข้ามแผ่นใบมีขนาดกว้างใหญ่ขอบใบจักช่อดอกเกิดส่วนปลายกิ่งหรือยอด ลำต้นดอกประกอบด้วยใบประดับที่มีสีสวยงามแล้วแต่พันธุ์ ไฮเดรนเยียอาจผลัดใบหรือไม่ผลัดใบก็ได้แต่ถ้าเป็นชนิดที่อยู่ในเขตอบอุ่นจะผลัดใบพักตัวในฤดูหนาวดอกของไฮเดรนเยียเกิดที่ปลายยอดกิ่งหรือยอดลำต้น เป็นช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่นหรือช่อแยกแขนง(corymbsorpanicles) ช่อดอกประกอบด้วยดอกสองแบบคือกลุ่มดอกสมบูรณ์เพศซึ่งมีขนาดเล็กที่อยู่บริเวณใจกลางช่อดอกใหญ่ ส่วนกลุ่มดอกที่มีขนาดดอกย่อยใหญ่สะดุดตานั้นความจริงเป็นดอกที่เกิดจากกลีบดอกประดับดูสะดุดตา เกิดเป็นวงรอบขอบนอกของช่อดอกใหญ่ไฮเดรนเยียบางชนิดมีช่อดอกซึ่งประกอบด้วยดอกย่อยสมบูรณ์เพศทั้งช่อเลยก็มี ดอกไฮเดรนเยียส่วนใหญ่จะมีสีขาวเป็นหลัก แต่บางชนิด เช่น H. macrophylla อาจเป็นสีน้ำเงิน แดงชมพูหรือม่วง ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความเป็นกรดหรือด่างของเครื่องปลูก หากเครื่องปลูกมีสภาพเป็นกรด pH 5.0-5.5สีดอกจะออกเป็นสีน้ำเงิน ถ้าสภาพเป็นด่างจะให้ดอกสีม่วงหรือชมพูถ้าปลูกในเครื่องปลูกที่สภาพเป็นกลางดอกไฮเดรนเยียจะมีสีครีมซีดทั้งนี้เพราะไฮเดรนเยียเป็นหนึ่งในบรรดาพืชไม่กี่ชนิดที่สะสมธาตุอะลูมินัม ธาตุนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาจากเครื่องปลูกซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ธาตุนี้จะทำปฏิกิริยากับสารละลายในกลีบดอกทำให้เกิดสีน้ำเงินขึ้นได้ ปกติไฮเดรนเยียต้องการดินที่เป็นกรดอ่อนpH 6.0-6.5 จะเติบโตได้ดี






อันดับที่ 3 ดอกปักษาสวรรค์
ปักษาสวรรค์มีใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกแกมขอบขนาน คล้ายใบกล้วย ปลายใบแหลม โคนมนถึงสอบ ขอบเรียบกว้าง 10 - 15 ซม. ยาว 30 - 60 ซม. ก้านใบยาว 30 -60 ซม. บริเวณช่วงต่อกับแผ่นใบกลมมน โคนก้านใบแผ่แบนเป็นกาบโอบรอบต้นจะเริ่มให้ดอกเมื่ออายุ 3 - 6 ปี ดอกมีรูปทรงคล้ายนกที่กำลังกางปีก อาจจะออกเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อประมาณ 3 -7 ดอก ออกจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกกลม มีกาบรองดอกรูปเรือรองรับดอกย่อย แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยงรูปหอกแคบยาว 3 กลีบ และกลีบดอกรูปหัวลูกศร 2 กลีบ ส่วนปลายกลีบห่อติดกัน มีเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ภายใน ตอนปลายสุดของหัวลูกศรมียอดเกสรเพศเมียสีน้ำตาลยื่นออกมา เมื่อดอกบานเต็มที่มีความยาว 8 - 12 ซม. ทยอยบานจากโคนช่อไปปลายช่อ ผลมีรูปรี จะแห้งและแตก ภายในมีเมล็ด 3 เมล็ด รูปกลม มีเปลือกหนาสีดำ





อันดับที่ 2ดอกพุทธรักษา
     พุทธรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย ลักษณะหน่อที่เจริญเป็นต้นเหนือพื้นดินนั้นมีลักษณะกลมแบนสีเขียวขนาดลำต้นโตประมาณ 2-4 เซนติเมตร ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นได้ชัดโคนใบมีก้านใบซึ้งยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25-35 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 15-20เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 8-10 ดอก และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสรรแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์



 อันดับที่ 1 ดอกซากุระ
ซากุระ (ภาษาญี่ปุ่น : หรือ ) เป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในจีนตอนใต้ เกาะไต้หวัน หมู่เกาะโอกินาวา ญี่ปุ่น ลักษณะเด่นของซากุระก็คือ เมื่อร่วง จะร่วงพร้อมกันหมด ซากุระจึงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดทหารและซามูไรของญี่ปุ่นมีดอกซากุระในเกาหลี, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, จีน หรือที่อื่นๆ แต่ไม่มีกลิ่น ขณะที่ซากุระของญี่ปุ่นนั้นผู้คนจำนวนมากยกย่องชื่นชมกลิ่นของมัน และมักจะกล่าวฝากไว้ในบทกวีดอกซากุระของญี่ปุ่นนี้ ในภาษาอังกฤษมีคำเรียกทั่วไปว่า “cherry blooms” หรือ “cherry blossom” หรือไม่ก็ “Japanese Flowering Cherry” จะบานในช่วงปลายมีนา-ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นจากฤดูหนาวที่หมดไปดอกซากุระ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เชื่อกันว่ากร่อนมาจากคำว่า ซะกุยะ (หมายถึง ผลิบาน) อันเป็นชื่อของเจ้าหญิง โคโนฮะนะซะคุยาฮิเม มีศาลบูชาของพระองค์อยู่บนยอดเขาฟูจิด้วย สำหรับพระนามของเจ้าหญิงองค์ดังกล่าวนั้น มีความหมายว่าเจ้าหญิงดอกไม้บาน และเนื่องจากซากุระเป็นดอกไม้ที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นสมัยนั้น คำว่าดอกไม้ดังกล่าวจึงหมายถึงดอกซากุระนั่นเอง เจ้าหญิงองค์ดังกล่าวได้รับพระนามเช่นนั้น ก็เพราะมีเรื่องเล่ามาว่าทรงตกจากสวรรค์ มาบนต้นซากุระ ดังนั้น ดอกซากุระจึงถือเป็นตัวแทนของดอกไม้ญี่ปุ่น ขณะที่รัฐบาลประกาศให้ดอกเก็กฮวย (ดอกเบญจมาส) เป็นดอกไม้ประจำชาติ
 




อ้างอิง http://board.postjung.com/540748.html

ภาษาดอกไม้





ภาษาของดอกไม้
      
    ว่ากันว่า ภาษาดอกไม้เหล่านี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยวิคตอเรียน ซึ่งใช้ดอกไม้หรือการจัดดอกไม้เป็นการส่งสารแฝงไป ด้วยผู้มอบให้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยความในใจออกไปได้ แม้ปัจจุบันนี้ภาษาดอกไม้บางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็ยังถูกนำเอามาใช้กันอยู่เนือง อย่างเช่น การส่งดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสต่าง   และยามเมื่อหนุ่ม ส่งดอกไม้ให้กับสาวคนรัก (หรือพยายามทำให้เธอรัก) นั่นเอง






ดอกหน้าวัว (Anthurium)
      ดอกหน้าวัวมีถิ่นกำเนิดมาจากฮาวาย เป็นดอกไม้เมืองร้อนที่มีสีสันสดใส รูปร่างหน้าตาน่าสนใจ มันแทนความหมายของการต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี ในโอกาสที่ถูกเชิญไปเป็นแขกเยี่ยมบ้านใคร ผู้คนก็มักนิยมนำดอกไม้ชนิดนี้ติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านด้วยนั่นเอง เหมือนกับจะบอกว่า "ขอบคุณที่ต้อนรับเราอย่างดี เธอจัดงานได้วิเศษมากจริง ๆ"






ดอกปักษาสวรรค์ (Bird of Paradise)
      ปักษาสวรรค์เป็นไม้ท้องถิ่นของทางแอฟริกาใต้ รูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์แปลกตา และสีสันที่สดใสสวยงาม ดูแล้วราวกับนกพันธุ์ Bird of Paradise สีสันสดใสที่กำลังจะโผบินขึ้นท้องฟ้า จึงเป็นที่มาของชื่อมันนั่นเอง ดอกไม้ที่สวยสะดุดตาดอกนี้สื่อความหมายของความรื่นรมย์ยินดี จึงเป็นดอกไม้ที่เหมาะกับการส่งให้แก่กันในวาระที่ต้องการแสดงความยินดีได้ดีเยี่ยมเลยเชียว





ดอกคาร์เนชั่น (Carnation)
     ดอกไม้ชนิดนี้เพาะปลูกเก็บเกี่ยวกันในดินแดนทางตะวันออกมากว่า 2,000 ปีแล้ว และแม้จะไม่สามารถปลูกได้ในเมืองไทย แต่คนไทยก็คุ้นหูกับชื่อของมันไม่น้อย (ใครนึกหน้าตาดอกไม้ตูมสวยชนิดนี้ไม่ออก ลองไปหาดูรูปจากข้างกระป๋องนมยี่ห้อเดียวกันนี้ได้นะจ๊ะ) ดอกไม้ชนิดนี้มีกลีบแสนบอบบางและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว สื่อถึงความงามและความภาคภูมิใจ หากคุณส่งดอกคาร์เนชั่นสักช่อไปให้ใคร นั่นสื่อความว่า "ฉันภูมิใจในตัวเธอมาก ๆ เลย"






ดอกแกลดิโอลัส หรือ ดอกซ่อนกลิ่นฝรั่ง (Gladiolus)
        ที่มาของชื่อดอกไม้ชนิดนี้มาจากภาษาละติน ซึ่งแปลว่า "ดาบ" นั่นเอง (ฝรั่งบางคนเรียกดอกแกลดิโอลัสว่า Sword Lily ก็มี) มาจากตำนานที่ว่ามีนักรบ (gladiator) คนหนึ่ง พยุงร่างอาบเลือดของตัวเองมาที่ลำธารเพื่อจะดื่มน้ำดับกระหาย พลางสายตาเหลือบเห็นดอกไม้ที่สีสดสวย กลีบบางพลิ้วไหว เขาเอื้อมมือจะไปเด็ดหมายจะนำมันไปฝากคนรัก แต่พลันมีดดาบของศัตรูพุ่งแทงทะลุร่างเขา สิ้นลมลงตรงนั้นนั่นเอง ความหมายของดอกแกลดิโอลัสจึงแทนความกล้าหาญ แข็งแกร่ง คุณสามารถเลือกใช้ดอกแกลดิโอลัสเพื่อมอบแก่คนที่คุณเคารพ เพื่อแสดงความชื่นชมนับถือก็ได้






ดอกไฮยาซินท์ (Hyacinth)
        ดอกไฮยาซินท์สีม่วงอ่อน กลีบแยกออกเป็นห้าแฉกสวยงามยามบานสะพรั่ง เป็นดอกไม้ซึ่งมีที่มาแต่ดั้งเดิมจากตุรกี แถมยังมีตำนานปกรณัมเกี่ยวกับมันอีกด้วย ว่ากันว่า "ไฮยาซินท์" คือชื่อของหนุ่มน้อยรูปงามทายาทกษัตริย์แห่งเฮซิโดเนีย ด้วยหน้าตาสะอาดสะอ้านน่ารักน่าเอ็นดูทำให้เป็นที่โปรดปรานของเทพอพอลโลมาก แต่ก็ยังมีเทพแห่งลมตะวันตก (Zephyrus) ที่หลงใหลความงดงามของเด็กหนุ่มคนนี้ด้วย วันหนึ่งอพอลโลเล่นขว้างจักรกับไฮยาซินท์ ท่านเทพขว้างมันออกไปสุดแรงที่มี หนุ่มน้อยวิ่งไล่ตามหมายจะกระโดดรับให้ได้กับมือ แต่ด้วยความริษยา เทพแห่งลมตะวันตกจึงเป่าให้จักรเปลี่ยนทิศทาง เด็กหนุ่มจึงกะจังหวะพลาด จักรที่ว่าจึงฟาดที่ศีรษะของเขาอย่างแรงจนเลือดอาบ อพอลโลรีบมาประคองเขาไว้แต่หนุ่มน้อยก็สิ้นลมเสียแล้ว เทพอพอลโลจึงเสกเลือดที่หลั่งออกมาให้กลายเป็นดอกไม้งดงาม และหยาดน้ำตาของท่านหลั่งรดเปลี่ยนเลือดสีแดงสดกลายเป็นสีม่วงของดอกไฮยาซินท์ดังที่เราเห็นนั่นเอง
    ดอกไฮยาซินท์ จึงหมายถึงความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปร ส่งดอกช่อดอกไฮยาซินท์สวย ๆ ให้คนที่คุณรัก เพื่อบอกความรักที่คุณมีให้มั่นคงเสมอไม่เคยแปรเปลี่ยน






ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea)
        ดอกไฮเดรนเยียมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น และถูกนำเข้าสู่ประเทศอังกฤษในปี 1788 มันเป็นที่นิยมของนักปลูกดอกไม้มาก เนื่องจากสามารถเล่นสีของดอกได้ โดยจะเปลี่ยนแปลงไปตามค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน ซึ่งการส่งดอกไฮเดรนเยียให้ หมายถึง การเว้าวอนขอโทษ ขอให้ได้รับการให้อภัย (ตามง้อว่างั้นเถอะ) เพราะดอกของมันสื่อภาษาดอกไม้ว่า จริงใจ ไม่เสแสร้งนั่นเอง




ดอกไอริส (Iris)
 ดอกไอริสเป็นดอกไม้ที่บานแล้วอยู่ได้ไม่นานนักก็โรยรา แต่กระนั้นความสวยของมันถูกใจผู้ได้รับแน่นอน มันแทนความหมายของการชื่นชม คำชมเชยที่น่ายินดีต่าง ๆ ทั้งกลีบดอกทั้งสามของมันยังแทนความหมายว่า ศรัทธา ความรอบรู้ และความกล้าหาญ ได้ด้วย





ดอกบัว (Lotus)
    ดอกไม้ชนิดนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคนไทยและชาวพุทธทั้งหลาย เนื่องด้วยดอกบัวเป็นดังดอกไม้แทนความสงบและบริสุทธิ์ มันผุดขึ้นมาจากโคลนตม ค่อย ๆ โผล่ดอกตูมขึ้นเหนือผิวน้ำ และบานไสวสวยงามได้ในที่สุด นอกจากดอกบัวจะมีความหมายต่อศาสนาพุทธแล้ว มันยังมีความหมายต่อศาสนาฮินดู และตำนานของอียิปต์ด้วยเช่นกัน แม้จะมีการตีความแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีความคล้ายคลึงร่วมกันอยู่ด้วย





ดอกลิลลี่ญี่ปุ่น (Oriental Lilly)
     ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาจัดช่อมาก (แถมแพงด้วยนะ) ส่วนลิลลี่พันธุ์ผสมอย่างลิลลี่ญี่ปุ่น หรือลิลลี่ลูกผสมสายพันธุ์ตะวันออก ก็เป็นที่นิยมมาก ด้วยช่อดอกเชิดตั้งไม่คว่ำหน้า กลีบสีครีม นวลนุ่มราวแพรไหม และลายจุดเหมือนหยดสีแต่งแต้มดูสวยงาม ยิ่งเป็นดอกสีขาวจะหมายถึง ความบริสุทธิ์ จริงใจ ส่งให้สาวคนไหนรับรองเป็นปลื้ม






ดอกกุหลาบ (Rose)
    ดอกไม้ยอดฮิตอย่างดอกกุหลาบ ที่นิยมส่งให้กันแทนความหมายของคำว่ารัก ทั้งยังเป็นดอกไม้ที่เทพีแห่งความรัก (อะโฟรไดท์) มอบให้เทพแห่งความรัก (อีรอส) อีกด้วย แต่กุหลาบแต่ละสี รวมทั้งการผสมผสานกันระหว่างสี ก็ยังสื่อความที่ละเอียดอ่อนลงไปได้อีก ลองมาดูสิว่าภาษาดอกไม้ของกุหลาบแต่ละสี สื่อความว่าอย่างไรบ้าง
กุหลาบคริสมาสต์              ความสงบสุข
กุหลาบชะมด                   ความงามที่เปลี่ยนผัน
กุหลาบแคโรไลนา             รักอันตราย
กุหลาบสีแดง                   รักแท้ รักที่ร้อนแรง
กุหลาบสีฟ้าหรือน้ำเงิน       ความลึกลับ หรือรักแรกพบ
กุหลาบสีขาว                    รักมั่นคง ความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ความอ่อนเยาว์รวมทั้งความอ่อนน้อนถ่อมตน
กุหลาบสีดำ                      ความตาย การจากลา ความเป็นนิรันดร์ หรือการเกิดใหม่
กุหลาบสีเหลือง                มิตรภาพ และความยินดี แต่ในอีกทางก็หมายถึงความริษยา ความรักที่แห้งเหี่ยว รักที่ผิดหวัง และการหักหลังได้ด้วยเช่นกัน
กุหลาบสีชมพู                  ความงามสง่า
กุหลาบสีชมพูเข้ม             ความรู้สึกขอบคุณ
กุหลาบสีชมพูอ่อน            เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความอ่อนเยาว์ รวมทั้ง ความปรารถนา เสน่หา
กุหลาบสีแดงเบอร์กันดี       ความงามอย่างหาที่ติไม่ได้
กุหลาบสีส้ม                     ความปรารถนา ความเสน่หา การกระตุ้นเร้า
กุหลาบสีม่วง                    รักแรกพบ
กุหลาบสีขาวและแดง         ความผูกพัน รวมกันเป็นหนึ่ง (เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของสหราชอาณาจักรด้วย)
กุหลาบสีแดงและเหลือง     แสดงแทนความยินดี
กุหลาบสีชมพูและขาว        "ผมรักคุณ และจะรักตลอดไป"
กุหลาบสีเหลืองและส้ม       ความปรารถนาที่เร่าร้อน
กุหลาบไร้หนาม                 รักแรกพบ





ดอกทานตะวัน (Sunflower)
    ดอกไม้สีเหลืองสดใสที่หันทิศติดตามแสงแห่งตะวันอยู่เสมอ เป็นดอกไม้ที่แทนความคิดที่ปราดเปรื่อง รวมทั้งแทนความหมายของรักบริสุทธิ์ได้อีกด้วย






ดอกทิวลิป (Tulip)
     ดอกไม้จากแดนกังหันนี้ แต่เดิมมีที่มาจากเปอร์เซีย เคยเป็นดอกไม้ที่มีราคาแพงลิบเท่ากับบ้านทั้งหลังเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงถูกใช้เพื่อแทนถึงความรักที่ถ่ายทอดไปให้ได้แบบไม่มีวันหมด






อ้างอิง  http://wedding.kapook.com/view39795.html